วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทำพิธีหลั่งน้ำทักษิโณทกประกาศอิสรภาพจากหงสาวดี


สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทำพิธีหลั่งน้ำทักษิโณทกประกาศอิสรภาพจากหงสาวดี

เมื่อ พ.ศ. 2126 พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง ยกทัพไปตีเมืองอังวะ และเกณฑ์ทัพไทยขึ้นไปด้วยสมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดเกล้าให้สมเด็จพระนเรศวรคุมทัพขึ้นไปช่วย แต่ยกไปไม่ทันตามกำหนดเป็นเหตุให้พระเจ้านันทบุเรงเกิดความระแวงจึงรับสั่งให้พระมหาอุปราชาหาทางกำจัดสมเด็จพระนเรศวร

เมื่อสมเด็จพระนเรศวรเสด็จถึงเมืองแครง ทรงพักทัพอยู่
ใกล้วัดของพระมหาเถรคันฉ่องสมเด็จพระนเรศวรได้เสด็จไปนมัสการพระมหาเถรคันฉ่อง พระมหาเถรคันฉ่องจึงได้ทูลเรื่องความลับที่พระมหาอุปราชาให้พระยาเกียรติ พระยาราม หาทาง
กำจัดพระองค์

เมื่อสมเด็จพระนเรศวรทรงทราบ ก็ทรงพิโรธมากที่พระเจ้านันทบุเรงคิดทำแบบนี้ สมเด็จพระนเรศวรจึงโปรดให้แม่ทัพนายกองมาประชุม และให้นิมนต์พระมหาเถรคันฉ่องพร้อมคณะสงฆ์ มานั่งเป็นสักขีพยานที่พลับพลา จากนั้นพระองค์ได้ทรงหลั่งน้ำลงสู่แผ่นดินด้วยสุวรรณภิงคาร (พระน้ำเต้าทองคำ) ประกาศแก่เทพยดาฟ้าดิน ประกาศอิสรภาพไม่ยอมขึ้นกับหงสาวดีอีกต่อไป ทรงตรัสว่า

"ขออัญเชิญเทพยดา อันมีมหิทธิฤทธิ์ ทิพยจักขุ ทิพยโสต จงลงมาเป็นทิพย์พยาน ด้วยพระเจ้าหงสาวดีคิดไม่ซื่อ ประพฤติพาลทุจริต เสียสามัคคีรสธรรม นับแต่บัดนี้ กรุงพระมหานครศรีอโยธยาและหงสาวดี หาได้เป็นสุวรรณปฐพีเดียวกันเฉกเช่นกาลก่อน ขาดกันแต่นี้ไป ตราบชั่วกัลปาวสาน"

จากนั้นพระองค์ได้ตรัสถามชาวเมืองแครงว่าจะเข้าข้างฝ่ายใด พวกมอญทั้งปวงต่างเข้ากับฝ่ายไทย สมเด็จพระนเรศวรจึงให้จับเจ้าเมืองกรมการพม่าแล้วเอาเมืองแครงเป็นที่ตั้งประชุมทัพ เมื่อจัดกองทัพเสร็จก็ทรงยกทัพจากเมืองแครงไปยังเมืองหงสาวดีเมื่อวันแรม 3 ค่ำ เดือน 6

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น