วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อีอยู่ นักโทษประหาร เรื่องจริงของนักโทษประหารในสมัยรัชกาลที่ 5


อีอยู่ นักโทษประหาร เรื่องจริงของนักโทษประหารในสมัยรัชกาลที่ 5

“ ฆ่าฉันเสียเร็วๆ ฆ่าฉันเสียเร็วๆ ” เสียงตะโกนจากนักโทษประหารซึ่งเป็นหญิง เพชฌฆาตหกคนยังคงร่ายรำดาบ ถอยหน้าถอยหลังอยู่เบื้องหลังนักโทษอีกครู่ ก่อนที่เพชฌฆาตมือหนึ่งจะวิ่งเข้าฟันคออย่างแรง จนศีรษะขาด เลือดพุ่งกระฉูด ผู้คนที่มุงดูการประหารจึงค่อยเริ่ม แยกย้ายกันกลับไป เสียงพึมพำดังจับความได้ว่า ต่างก็พอใจที่ผู้ตายได้รับกรรมที่กระทำไว้แล้ว แม้แต่ในหมู่ญาติพี่น้องของหล่อนเอง!

เพชฌฆาตยังคงทำงานต่อไปด้วยการตัดข้อเท้าซึ่งมีโซ่ตรวนพันธนาการไว้ และตัดศพออกเป็นชิ้น แล่เนื้อออกจากกระดูก ทิ้งตับไตไส้พุงไว้เป็นทานแก่แร้งกา ส่วนศีรษะเอาไปเสียบไม้ไผ่ปักประจานไว้ให้มองเห็นได้แต่ไกล เธอเป็นใครทำผิดอะไรไว้จึงต้องรับโทษถึงเพียงนี้..?
................
ย้อนหลังไปราวเดือนเศษ ที่บ้านของพระบรรฦาสิงหนาท ภรรยาคืออำแดงอยู่ ลักลอบเป็นชู้กับทาสในเรือนชื่อ ไฮ้ มั่วสุมกันอยู่ถึงสองปีเศษโดยตัวสามีไม่รู้เรื่อง ซึ่งก็คงยังไม่เป็นเรื่องเป็นราวอะไร ถ้าไม่เป็นเพราะอ้ายไฮ้เอง เกิดไปลักลอบได้เสียกับนางทาสอีกคนหนึ่งชื่อ เกลี้ยง หลังจากทั้งคู่สมสู่กันได้สามเดือน ความเรื่องของอำแดงอยู่เป็นชู้กับอ้ายไฮ้ก็เกิดแตกขึ้นมา..

วันนั้นพระบรรฦาฯบังเอินกลับบ้านผิดเวลา จึงจับได้คาเตียง ก็เลยทำโทษอ้ายไฮ้ด้วยการโบย 50ที แล้วล่ามโซ่ไว้ที่ครัวไฟ แต่พระบรรฦาจะทำอะไรอำแดงอยู่บ้าง อันนี้ไม่ได้มีการบันทึก ไว้ ผ่านไปห้าวัน อำแดงอยู่ค่อยๆสืบเสาะหาว่าใครไปรายงานคุณพระผู้เป็นสามี ก็สงสัยว่า อีเกลี้ยงนี่แหละที่น่าจะเอาความไปบอกสามีตนแน่ ประจวบกับวันนั้นกินเหล้า เข้าไปเมาจัดด้วย จึงเรียกนางทาสคนนี้เข้ามาถาม แต่อีเกลี้ยงไม่ยอมรับ นางอยู่จึงเอาไม้แสมตีอีเกลี้ยงเข้าไปหลายที ฐานสงสัยแล้วไม่ยอมรับ

คืนนั้น อีเกลี้ยงไม่รู้ว่าคิดอะไรเหมือนกัน แต่คงไม่พ้นเรื่องชู้รักดันมีรักซ้อนกับเมียนาย แอบเข้าไปที่ระเบียงครัวซึ่งอ้ายไฮ้โดนล่ามโซ่นอนหลับอยู่ จัดการบีบหมับเข้าที่กล่องดวงใจของอ้ายไฮ้อย่างแรงจนตื่น เช้าขึ้นอ้ายไฮ้ก็เลยสำออยไปฟ้องอำแดงอยู่ อำแดงอยู่จึงเรียกอีเกลี้ยงมาถามอีก ว่าทำไมไปบีบของสำคัญของอ้ายไฮ้ คราวนี้เจ้าตัวปฏิเสธเรื่องไปบีบของลับอ้ายไฮ้ แต่ดัน กลับเล่าเรื่องที่ตัวเองได้เสียกับอ้ายไฮ้แทน

อำแดงอยู่ เต้นผางสั่งตีตรวนอีเกลี้ยงทันที แล้วเอาไม้ไผ่ขนาดสามนิ้วยาวศอกเศษ ตีอีเกลี้ยงอีกราวสี่ห้าที ทำแบบนี้ตลอดมาหลายวัน จนวันหนึ่ง อำแดงอยู่ซึ่งล่อเหล้ามาตั้งแต่เช้าแล้ว ก็ใช้ไม้แสมตีอีเกลี้ยงอีก พอตกบ่ายก็แก้ตรวน แล้วสั่งให้ไปหุงข้าว ขณะที่อีเกลี้ยงกำลังนั่งยองๆหุงข้าวอยู่ อำแดงอยู่เข้ามาข้างหลัง ถีบอีเกลี้ยงล้มลงแล้วกระชากผ้าถุงของนางทาสออก เอาไม้แสมที่กำลังติดไฟแดงๆ ทิ่มอวัยวะเพศของนางทาส สองสามที ตกบ่ายราวสี่โมงเศษ ก็เรียกทาสชายหญิงคนอื่นขึ้นมาจับอีเกลี้ยงขึงพรืด จุดไม้ขีดไฟเผาขนที่ลับของอีเกลี้ยงซ้ำอีก

ตอนเช้าของวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2424 ขณะที่อีเกลี้ยงนางทาสวัย 57 เดินจะลงบันไดไปอาบน้ำ นางอยู่ก็เอาเท้าถีบเธอตกบันได แขนซ้ายหัก แล้วสั่งทาสให้ฉุดกระชากอีเกลี้ยงขึ้นไปบนชานเรือนอีก จนราวสามโมงเช้าเศษของวันนั้น อีเกลี้ยงซึ่งสุดจะทนกับความเจ็บปวดจากการทรมาน จึงขาดใจตาย

เรื่องนี้ พระบรรฦาฯ ทราบเพียงว่าอีเกลี้ยงตายเพราะเป็นไข้ประจุบันเท่านั้น จึงให้อำแดงอยู่บัญชาการทาสอื่นห่อศพให้เรียบร้อย แล้วหามไปให้สัปเหร่อฝัง ตอนแรกทาสที่นำศพมาก็ไม่ยอมแก้ผ้าห่อศพ สัปเหร่อเลยไม่ยอมฝัง ในที่สุดพวกทาสก็ต้องยอมให้สัปเหร่อ ดูศพก่อน แต่พอได้ดูศพแล้ว จรรยาบรรณสัปเหร่อบอกว่า ไม่ยอมให้ฝัง !

ปรากฏว่ามีชาวบ้านคนหนึ่งชื่อหนูไปแจ้งความ จึงเกิดการชันสูตรศพขึ้นก็พบว่า “ ศพอีเกลี้ยงนั้นกระหม่อมยุบกว้าง 2 นิ้ว หน้าบวมช้ำดำเขียว หูข้างซ้ายช้ำบวมมีเลือดไหลออกมาจากหู ยังเป็นคราบติดอยู่ ต้นแขนริมศอกขวา บวมช้ำ และกระดูกหัก ต้นแขนซ้ายบวมช้ำกระดูกหัก อกบวมช้ำ โตกลมหนึ่งนิ้ว สะโพกข้างขวาบวมช้ำดำเขียวเต็มทั้งสะโพก นอกจากนั้นมีแผลที่เกิดจากการตีด้วยไม้รวมเก้าแผล ”

หลังการสอบสวน อำแดงอยู่โดนมาตรการยึดทรัพย์ทั้งหมด และมีพระบรมราชโองการให้ประหาร แต่ก่อนประหารต้องลงโทษเตือนวิญญาณให้จดจำไปถึงชาติหน้า ด้วยการเฆี่ยน 90ทีเสีย ก่อน จึงจะประหาร คำตัดสินเกี่ยวกับคดีนางอยู่และผู้เกี่ยวข้องนี้ เมื่อนำทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นด้วยแต่ได้ทรงทักท้วงบ้างบางกรณี คือ

ให้เฆี่ยนทาสที่เคยช่วยจับขึงพรืดอีเกลี้ยง ให้อีอยู่ ( เปลี่ยนคำนำหน้าจากอำแดงเพราะทำความผิด ) ทำทารุณ คนละ 60 ที ส่วนทาสคนอื่นที่รู้เห็นเหตุการณ์แล้วไม่ยอมแจ้งทาง การให้เฆี่ยนคนละ 30 ที เรื่องนี้ทรงพิจารณาว่า คนเป็นทาสก็ต้องฟังนาย และเรื่องก็เกิดในทันที จึงให้ภาคทัณฑ์ไว้ เว้นคนที่เอาศพไปฝัง และพยายามปกปิดไม่ให้ตรวจศพ ให้ลงโทษตามที่ว่ามา

อ้ายไฮ้ โดนตัดสินให้เฆี่ยน 50 ที แต่ทรงเห็นว่าความผิดของอ้ายไฮ้คือฐานชู้สาว และก็โดนนายเงินคือพระบรรฦาฯลงโทษไปแล้ว จึงโปรดให้ยกโทษเสีย

ส่วนพระบรรฦาปรับเป็นเงิน 11 ตำลึง กึ่งสลึงเฟื้อง 630 เบี้ยเป็นพิไนยหลวง แต่ในฐานที่รู้อยู่แต่ไม่สนใจ ปกปิดเรื่องศพ เรื่องความร้ายในแผ่นดิน

“ แต่นายหนูผู้มีกตัญญูต่อแผ่นดินมาว่ากล่าวขึ้น จึงได้ทราบเรื่องกัน ” จึงทรงให้เพิ่มโทษปรับพระบรรฦาฯ แล้วนำมาให้เสียแก่นายหนู เป็นเงิน 1 ชั่ง 10 ตำลึงด้วย

วันที่ประหารอีอยู่คือ วันเสาร์ เดือน11 แรม 7 ค่ำ ตรงกับ วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม 2424 เป็นเวลากว่าร้อยปีล่วงมาแล้ว

ต้นเรื่องนั้นมาจากหนังสือราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษ ออกเมื่อกรุงเทพมหานครมีอายุครบ๑๐๐ปี และบันทึกของนาย Carl Bock นักธรรมชาติวิทยาชาวนอร์เวย์ ที่เดินทางเข้ามาสำรวจดินแดนไทยและได้ไปดูการประหารอีอยู่ด้วย

จากหนังสือ หญิงชาวสยาม โดย เอนก นาวิกมูล

ภาพประกอบ:ทาสในสมัยรัชกาลที่5

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น